วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมครั้งที่ 10


 สัปดาห์ที่10

       วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

  อาจาร์ยผู้สอน  อาจาร์ยจินตนา สุขสำราญ
 วันที่ 21 ตุลาคม 2557
ครั้งที่ 10 กลุุ่่่่่่่มเรียน 103
             เวลาเรียน 08.30 - 12.20น.ห้องเรียน 435

  สัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้เพื่อนนำเสนอสื่อวิทยาศาสตร์อีกหนึ่งสัปดาห์ เพราะสัปดาห์ที่แล้วยังนำเสนอไม่ครบทุกคนซึ่งดิฉันได้นำเสนอสื่อเรื่อง เสียงแตรจากแผ่นใส




เสียงแตรจากแผ่นใส 


อุปกรณ์

1.แผ่นพลาสติกบางใส
2.เทปกาวแบบใสหรือแบบสีก็ได้
3.กรรไกรและด้าย

ขั้นตอนการทำ

1.ม้วนแผ่นพลาสติกใส เป็นรูปทรงกรวยใช้เทปกาวปิดยึดไว้
2.ใช้กรรไกรตัดเฉียงๆ ปลายด้านแคบของแตร
3.ตัดแผ่นพลาสติกใสเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ติดเข้ากับปลายแตรด้านแคบ 
  ใช้ด้ายพันไว้ให้แน่น
4.ตกแต่งให้สวยงาม

หลักการทางวิทยาศาสตร์ : เสียงเกิดจากการที่วัตถุสั่นสะเทือนเวลาเป่าอากาศมันจะไปกระทบกับแผ่นใสลมจะผ่านแผ่นใสชิ้นเล็กๆที่ติดอยู่ที่แผ่นใส แผ่นใสจะสั่นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งจะเดินผ่านออกไปทางปากแตร

ข้อควรระวัง : อย่าเป่าใส่หูกันจะเป็นอันตรายแก่แก้วหได้



My Mapping Pineapple

   อาจารย์แนะนำวิธีการเขียนแผนแนวทางการเขียนว่าหัวข้อแต่ละหัวข้อ ต้องเขียนยังไง กลุ่มดิฉันเขียนแผนเรื่องสับปะรดก็จะแตกยอดออกไปเช่น สับปะรดมีกี่ชนิด มีรูปร่างลักษณะอย่างไร การแปรรูป ประโยชน์และข้อควรระวังของสับประรด การเขียนขั้นนำคือการเร้าให้เด็กสนใจว่าวันนี้จะทำกิจกรรมอะไรทำให้เด็กสนุกและอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วย ขั้นสอนคือ การที่ครูสอนหรือให้เด็กทำกิจกรรมในหัวข้อเรื่องของสับประรด ขั้นสรุปคือคุณครูสรุปกิจกรรมว่าวันนี้เด็กได้อะไรบ้าง และมีประโยชน์อย่างไร


ประเมินตนเอง

 เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกต้องเรียบร้อย ตั้งใจนำเสนอสื่อที่นำมาและนำข้อเสนอแนะที่อาจารย์แนะนำมาแก้ไขและปรับปรุง

ประเมินเพื่อน

 เพื่อนแต่งกายถูกต้องเรียบร้อย เพื่อนทุกคนตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอสื่อและตั้งใจและทำความเข้าใจเรื่องแผนการสอนที่อาจารย์สอน

ประเมินอาจารย์

 อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการเตรียมการสอนมาดีทุกครั้ง และมีการแนะนำเรื่องสื่อที่เพื่อนนำเสนอท้ายคาบอาจารย์อธิบายเรื่องการเขียนแผน



 








  

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมครั้งที่ 9

สัปดาห์ที่ 9

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจาร์ยผู้สอน  อาจาร์ยจินตนา สุขสำราญ
วันที่ 14 ตุลาคม 2557
ครั้งที่ 9   กลุุ่่่่่่่มเรียน 103
เวลาเรียน  08.30 - 12.20 น. ห้องเรียน 435


สิ่งประดิษฐ์วิทยาสาสตร์ 

นางสาว มณีรัตน์ สายสังข์

  

เสียงแตปู๊นปู๊น

อุปกรณ์ < เหลือใช้ >

1.ขวดน้ำ
2.แก้วพลาสติก
3.ถ้วยโยเกริต์

อุปกรณ์  

1.กรรไกร
2.คัตเตอร์
3.เทปกาวห่อวัสดุ   

วิธีการทำ 

1.ตัดก้นของขวดน้ำออก

2.ตัดถ้วยโยเกริต์ออกครึ่งจากนั้นเอาถ้วยโยเกริต์ที่ตัดไว้มาครอบใส่
กับขวดน้ำและก็เอาเทปกาวออกมากันติดให้รอบติดให้แน่นๆ

3.เจาะก้นแก้วพลาสติกออกให้โล่งแล้วเอามาสวมใส่กับขวดที่ตัดไว้อยู่แล้ว 
จากนั้นก็เอาเทผกาวมาพันติดรอบๆ ติดให้แน่นๆ
 
4.ตัดลูกโปร่งออกครึ่งนึงแล้วจากนั้นก็เอามาครอบใส่ปากถ้วยโยเกริต์ดึงให้ตึง
 
5.สุดท้ายให้เจาะรูตรงใกล้ๆกับปากถ้วยโยเกริต์โดยเจาะให้เป็นรูเล็กๆ 
จะเป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลมก็ได้พอเราเปามันก็จะเกิดเสียง



สื่อวิทยาศาสตร์ของเพื่อน 

 สื่อ:ไหมพรมเต้นระบำ


สื่อ:วงล้อหลากสี


สื่อ:ร่มชูชีพ


สื่อ:การทรงตัว การสมดุล


สื่อ:ลูกโป่งลอยฟ้า


ประเมินตนเอง

 เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกต้องเรียบร้อย ตั้งใจฟังสื่อที่เพื่อนออกมาพรีเซนต์

ประเมินเพื่อน

 เพื่อนแต่งกายถูกต้องเรียบร้อย เพื่อนทุกคนตั้งใจนำเสนอสื่อที่อาจารย์ให้นำมาพรีเซนต์หน้าห้อง

ประเมินอาจารย์


 อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการเตรียมการสอนมาดีทุกครั้ง อาจารย์จะมีข้อ
เสนอแนะเมื่อเพื่อนๆพรีเซนต์สื่อวิทยาศาสตร์เสร็จทุกครั้ง


 

บันทึกกิจกรรมครั้งที่ 8

สัปดาห์ที่ 8

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจาร์ยผู้สอน  อาจาร์ยจินตนา สุขสำราญ
วันที่ 7 ตุลาคม 2557
ครั้งที่ 8   กลุุ่่่่่่่มเรียน 103
เวลาเรียน  08.30 - 12.20 น. ห้องเรียน 435


อยู่ในระหว่างช่วงสอบค่ะ

 

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมครั้งที่ 7

สัปดาห์ที่ 7

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจาร์ยผู้สอน  อาจาร์ยจินตนา สุขสำราญ
วันที่ 30 กันยายน 2557
ครั้งที่ 7   กลุุ่่่่่่่มเรียน 103
เวลาเรียน  08.30 - 12.20 น. ห้องเรียน 435


กิจกรรมในห้องเรียน
 




    อาจารย์ให้พับกระดาษตามรูปที่ 1 แบ่งเป็นแถวที่จัดนั่งเรียงตามเลขที่ 
รูปที่ 2 คือเพื่อนออกไปโยนกระดาษที่พับหน้าชั้นเรียนเพื่อนบางคนสามารถโยนแล้วกระดาษหมุนได้แต่บางคนโยนกระดาษแล้วไม่สามารถหมุนได้สาเหตุที่เกิดเพราะ วิธีการโยน การพับกระดาษ แรงโน้มถ่วงที่โยนกระดาษที่น้ำหนักตอนโยนของแต่ละคนทำไม่เท่ากันทำให้บางคนกระดาษสามารถหมุนได้บางคนกระดาษไม่สามารถหมุนได้




กิจกรรม วิทยาศาสตร์จากแกนกระดาษทิชชู 


 รูปที่ 1
 

รูปที่ 2


รูปที่ 3


รูปที่ 4
 

รูปที่ 5


อุปกรณ์ 

1.แกนกระดาษทิชชู
2.ไหมพรมหรือเชือกอะไรก็ได้
3.กระดาษสี สีไม้ สีเมจิ
4.ที่หนีบกระดาษ กาว

วิธีการทำ

1.ตัดแกนกระดาษทิชชูแบ่งครึ่ง
2.ใช้ที่หนีบกระดาษมาเจาะแกนกระดาษทิชชูให้เป็นรูแบบรูปภาพที่ 2
3.นำไหมพรมมาร้อยตรงรูที่เราเจาะบนแกนกระดาษทิชชูแบบรูปภาพที่ 3
4.ตัดกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้ววาดรูปภาพอะไรก็ได้แล้วนำมาแปะบน
   แกนกระดาษทิชชู


นางสาวสรวจกมล สุเทวี





 บทความเรื่อง : หลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัย จำเป็นหรือไม่ ?


ที่มา : นิตยสาร สสวท.


  หลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัยเป็นการส่งเสริมครูปฐมวัยให้สามารถจัดประสบการณ์ในรูปของกิจกรรมบูรณาการที่ สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยได้อย่างครบถ้วนทุกด้าน โดยไม่จำเป็นต้อง แยกออกมาสอนเป็นวิชาวิทยาศาสตร์  เพียงแต่ครูปฐมวัยควรจะตระหนักรู้ว่ากิจกรรมที่จัดให้กับเด็กในแต่ละช่วง เวลานั้น เป็นการส่งเสริมทักษะและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อะไรให้กับเด็กๆ และควรจะจัดกิจกรรมอย่างไรเพื่อจะสามารถตอบสนองและต่อยอดธรรมชาติการเรียน รู้ของเด็กได้อย่างเป็นระบบผลจากการติดตามการทดลองใช้ พบว่าครูสามารถที่จะนำกรอบมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัย ไปจัดกิจกรรมบูรณาการวิทยาศาสตร์ในทุกสาระที่ควรรู้ได้ในทุกสาระโดยสอดแทรก เข้าไปในทุกกิจกรรมหลักที่ครูจัดอย่างสม่ำเสมอได้ แต่สิ่งที่ครูยังมีความต้องการนั้น ครูยังต้องการตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เยอะ ๆ ซึ่ง สสวท. กำลังพัฒนาส่วนนี้อยู่

  อ. ชุติมา กล่าวหลังจากนั้นได้จัดอบรมครูทั่วประเทศไปแล้วในปี พ.ศ. 2552ที่อุดรธานี  เชียงใหม่ ภูเก็ต  และระยอง  ต่อจากนี้จะจัดอบรมให้แก่ศึกษานิเทศก์ทั่วประเทศเขตพื้นที่ละหนึ่งคน เพื่อที่จะให้ศึกษานิเทศก์ได้เป็นผู้ที่คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือแก่ครูส่วน การดำเนินงานเกี่ยวกับหลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัยในอนาคต  หลังจากที่ สสวท. จัดทำคู่มือการใช้หลักสูตรเสร็จแล้ว ก็คือการชักชวนพันธมิตร เช่น ภาควิชาปฐมวัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏซึ่งมีอยู่ทั่วทุกประเทศ เป็นศูนย์การอบรมครูปฐมวัย  และในขณะเดียวกัน สสวท. และคณะที่เป็นนักการศึกษาปฐมวัยที่เป็นผู้เริ่มต้นโครงการนี้ก็จะถอยมาเป็น ผู้อบรมวิทยากรอีกทีหนึ่ง “ทุก ประเทศในโลกจะสอนปฐมวัยในเชิงบูรณาการ ก็คือจะบูรณาการทุกวิชาไว้ด้วยกัน  เพราะถือว่าเด็กจะต้องพัฒนาเป็นองค์รวม  แต่การที่ครูจะจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการพัฒนาเด็กเป็นองค์รวมนั้น จะต้องมีมาตรฐานเป็นที่ตั้งในของแต่ละสาระ เช่น คณิตศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน วิทยาศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน ครูก็จะยึดเอากรอบมาตรฐานมาจัดทำเป็นหลักสูตรบูรณาการปฐมวัยของตัวเอง ทุกประเทศจะเป็นแบบนี้ รวมทั้งประเทศเราด้วย” อ.ชุติมากล่าวทิ้งท้าย



บทความของเำพื่อน

1.สะกิดให้ลูกคิดแบบแนววิทยาศาสตร์
2.เทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์
3.ส่งเสริมกระบวนการคิดสำหรับเด็ก
4.สนุกสนานเรียนรู้ได้ทุกวิชาจากเด็กปฐมวัย


เพิ่มเติม 

 
ลม(Wind) หมายถึง อากาศที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางในแนวราบ เกิดจากการแทนที่ของอากาศ เนื่องจากอากาศในบริเวณที่ร้อนจะลอยตัวสูงขึ้น ในขณะที่อากาศบริเวณใกล้เคียงที่อุณหภูมิต่ำกว่าจะเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ เมื่อมีการเคลื่อนไหวของอากาศที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันของความ กดอากาศ อากาศบริเวณที่มีความกออากาศสูงจะเคลื่อนที่เข้ามายังบริเวณที่มีความกด อากาศต่ำมวลอากาศที่เคลื่อนที่เราเรียกว่า "ลม" จึงกล่าวได้ว่า ลม เกิดจากการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกด อากาศต่ำนั่นเอง โดยการเคลื่อนที่ของลมจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความแตกต่างของความกดอากาศ สูง และความกดอากาศต่ำ ถ้ามีความแตกต่างกันน้อยลมที่เกิดขึ้นจะเป็นลมเอื่อย และถ้ามีความแตกต่างกันมากจะกลายเป็นพายุได้ ดังนั้นการเกิดลม เป็นปรากฏการณ์ที่อากาศร้อนลอยตัวสูงขึ้น และอากาศเย็นเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ นอกจากนั้นการหมุนเวียนของลมบนโลกเป็นกลไกในการช่วยกระจายพลังงานความร้อน จากดวงอาทิตย์ ให้เฉลี่ยทั่วถึงโลก และช่วยพัดพาเอาความชุ่มชื้นจากพื้นน้ำมาสู่พื้นดิน

อากาศ คือ อากาศอยู่รอบตัวเราเสมอ เราสามารถรู้ว่ามีอากาศอยู่รอบๆตัวเราได้โดยการโบกมือไปมา กระแสลมที่เกิดขึ้นและปะทะกับฝ่ามือของเราก็แสดงว่าอากาศมีอยู่จริงหรือถ้าเรายืนอยู่ในที่ที่มีลมพัดผ่าน เราจะสามารถรู้ว่ามีอากาศหรือลมพัดผ่านมาถุกตัวเรา แรงลมสามารถทำให้เกิดคลื่นน้ำได้หรือหมุนกังหันลมได้

ส่วนประกอบของอากาศ 
  
 ส่วนผสมของก๊าซต่างๆและไอน้ำ ได้แก่ ก๊าซไนโตรเจน ก๊าซออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซต์และโอโซนอากาศมีอยู่รอบตัวเราทุกหนทุกแห่ง อากาศไม่มีสี ไม่มีรสชาติ ไม่มีกลิ่น

ความสำคัญของอากาศ 

1.มีก๊าซที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ พืชและสัตว์
2.ทำให้เกิดลมและฝน
3.มีอิทธิพลต่อการเกิด ปริมาณ และคุณภาพของทรัพยากรอื่นๆเช่น ป่าไม้และ
   แร่ธาตุ

ข้อควรระวัง

1.ลดปริมาณสารทำให้อากาศเสีย เช่น ฝุ่นละอองหรือสารพิษ
2.ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก เช่น ไม่เผาป่า ฟางข้าวหรือขยะมูลฝอย
3.อนุรักษ์ป่าไม้ไม่ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อช่วยลดอากาศเสียและทำให้ไม่เกิดน้ำท่วม
  และไฟไหม้ป่า


ประเมินตนเอง

 เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกต้องเรียบร้อย ตั้งใจทำกิจกรรมเพราะชอบกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ปฎิบัติ

ประเมินเพื่อน

 เพื่อนแต่งกายถูกต้องเรียบร้อย เพื่อนทุกคนสนุกและตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ปฎิบัติทุกคน

ประเมินอาจารย์

 อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการเตรียมการสอนมาดีทุกครั้ง มีกิจกรรมมาให้ทำทุกสัปดาห์ทำให้นักศึกษาสนุกไปกับการที่ได้ทำกิจกรรม